ท่อร้อยสายไฟ (Flexible Conduit) กับงานระบบไฟฟ้า
การใข้งานไฟฟ้าในปัจจุบันมีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นอยู่ในทุกๆ วัน ทั้งในการใช้งานทั่วไปภายในบ้าน และระดับโรงงานอุตสาหกรรม การวางระบบไฟฟ้าภายในบ้าน อาคาร หรือโรงงาน จึงมีความจำเป็น เป็นอย่างมาก นอกจากจะส่งผลการใช้งานไฟฟ้าโดยรวม ยังส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
อุปกรณ์ในการเดินสายไฟนั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด อาทิ เช่น สายไฟ ปลั๊กไฟ
ตู้พักสายไฟ ตู้เมนไฟฟ้า เป็นต้น แต่นอกจากอุปกรณ์ดังกล่าวเรายังมีอุปกรณ์ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ อุปกรณ์ในการจัดระเบียบสายไฟ เช่น รางเก็บสายไฟ
ท่อร้อยสายไฟ
ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้นอกจากจะมีหน้าที่ในการจัดระเบียบสายไฟแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการป้องกันสายไฟของเราจากความเสียหายในด้านต่างๆ อาทิเช่น สภาพแวดล้อม น้ำ ฝุ่น สัตว์ หรือการกระทำของเราเอง ทำให้สายไฟเรามีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และปลอดภัยต่อการใช้งาน
สำหรับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับท่อร้อยสายไฟพลาสติก กันนะครับ
ท่อร้อยสายไฟพลาสติก คืออะไร
ท่อร้อยสายไฟชนิดนี้จะผลิตจากพลาสติก ตามท้องตลาดวัสดุที่เห็นใช้งานกันอยู่บ่อยๆ จะมีอยู่ 2 ชนิด คือ PA (Nylon/Polyamide) และ PE (Polyethylene) ซึ่งท่อพลาสติกจะมีจุดเด่นในด้านความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา แต่มีความทนทาน สามารถจัดสายใช้งานได้อย่างง่ายดาย
เป็นท่อร้อยสายไฟที่ทำจากพลาสติกชนิด PA หรือไนล่อน เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติที่ดี มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ตัดใช้งานได้ง่าย เป็นฉนวนไฟฟ้า แต่ราคาค่อนข้างสูง
คุณสมบัติสำคัญของท่อร้อยสายไฟพลาสติก PA (Nylon / Polyamide)
- มีความสามารถในการป้องกันการลามไฟ (หรือไฟติดแล้วสามารถดับได้เองอย่างรวดเร็ว)
- ยืดหยุ่น อ่อนตัวดี สามารถหัก บิด บีบ แล้วคืนตัวได้โดยที่ท่อไม่แตก
- มีความทนทานต่อแรงกระแทก กดทับ เสียดสีเสียดทานได้ดี
- สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร มีความสามารถในการป้องกันรังสียูวี
- ทนต่อการกัดกร่อนของกรดอ่อนๆ, น้ำมัน, ตัวทำละลาย และความร้อนได้ดี (-40°C ~ 115°C)
- สวยงาม เงางาม มีน้ำหนักเบา และทนทาน
เป็นท่อร้อยสายไฟที่ทำจากพลาสติกชนิด PE หรือ โพลีเอททิลีน เป็นพลาสติกที่มีน้ำหนักเบา พับจอได้ดี ยืดหยุ่น ฉีกขาดยาก เป็นฉนวนไฟฟ้า และราคาประหยัด
คุณสมบัติสำคัญของท่อร้อยสายไฟพลาสติก PE (Polyethylene)
- มีความสามารถในการป้องกันการลามไฟ (หรือติดไฟแล้วดับได้เอง)
- ยืดหยุ่นได้ดี บิด พับหักแล้วคืนตัวได้โดยที่ท่อไม่แตก
- ทนทานต่อแรงกระแทก แรงกดทับ แรงเสียดทานได้ดี
- ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
- ทนต่อกรดอ่อน, น้ำมัน, ตัวทำละลาย และความร้อนได้ดี (-40°C ~ 115°C)
- สวยงาม มีความเงางาม น้ำหนักเบา และราคาประหยัด